Tuesday, August 12, 2008

เว็บเต็นท์รถ เชียงใหม่

999 พ.พัฒนา คาร์เซ็นเตอร์
รายละเอียด : บริการ ซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยน รับจัดไฟแนนซ์ รีไฟแนนซ์ รถยนต์ทุกชนิด...
จังหวัด : เชียงใหม่/เต็นท์รถ เชียงใหม่:เต็นท์รถมือสอง เชียงใหม่


Max Carcenter
รายละเอียด : รับซื้อ - ขาย แลกเปลี่ยนรถยนต์ ทุกชนิด รับจัดไฟแนนซ์...
จังหวัด : เชียงใหม่/เต็นท์รถ เชียงใหม่:เต็นท์รถมือสอง เชียงใหม่


ชาลี คาร์
รายละเอียด : รับซื้อ - ขาย - แลกเปลี่ยน รถยนต์ใหม่ เก่าทุกชนิด ,รับจัดไฟแนนซ์ ย้ายไฟแนนซ์ ,บริการประกันชั้น 1 ,2 ต่อ พรบ. ทุกชนิด ในราคายุติธรรม ,บริการด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ซื้อง่าย ขายคล่อง อัธยาศัยไมตรีดี , ...
จังหวัด : เชียงใหม่/เต็นท์รถ เชียงใหม่:เต็นท์รถมือสอง เชียงใหม่


เชียงยืน
รายละเอียด : บริการ ซื้อ - ขาย แลกเปลี่ยนรถยนต์มือ 2...
จังหวัด : เชียงใหม่/เต็นท์รถ เชียงใหม่:เต็นท์รถมือสอง เชียงใหม่


นครพิงค์ คาร์กลการ
รายละเอียด : รับ จัด - ย้าย - รีไฟแนนซ์...
จังหวัด : เชียงใหม่/เต็นท์รถ เชียงใหม่:เต็นท์รถมือสอง เชียงใหม่


มาสเตอร์ยนต์
รายละเอียด : ซื้อขาย แลกเปลี่ยนรถยนต์ ทุกชนิด สวย สภาพดี ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานกว่า 20 ปี...
จังหวัด : เชียงใหม่/เต็นท์รถ เชียงใหม่:เต็นท์รถมือสอง เชียงใหม่


มีชัย เซ็นเตอร์
รายละเอียด : รับซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยน รถยนต์ ทุกชนิด...
จังหวัด : เชียงใหม่/เต็นท์รถ เชียงใหม่:เต็นท์รถมือสอง เชียงใหม่


ยงยุทธ คาร์เซ็นเตอร์
รายละเอียด : รับซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยน รถยนต์มือสองทุกชนิด รับจัดไฟแนนซ์ดอกเบี้ยต่ำ(รถคัดพิเศษเกรด A) รถทุกคันของเต้นท์ราคาต่อรองกันได้ ลองมาคุยกันดูก่อนได้ครับ...
จังหวัด : เชียงใหม่/เต็นท์รถ เชียงใหม่:เต็นท์รถมือสอง เชียงใหม่


สวัสดิ์ ธุรกิจยนต์
รายละเอียด : รับซื้อ - ขาย - แลกเปลี่ยน รถยนต์ทุกชนิด รับจัดไฟแนนซ์ ย้ายไฟแนนซ์...
จังหวัด : เชียงใหม่/เต็นท์รถ เชียงใหม่:เต็นท์รถมือสอง เชียงใหม่


อ้ายแดง(ชูเกียรติ รถบ้านฝากขาย)
รายละเอียด : ชูเกียรติ รถบ้านฝากขาย , จำหน่ายรถมือสองแบบไม่ต้องดาวน์ หรือดาวน์ต่ำ ดอกเบี้ยต่ำสุดเริ่มต้นที่ 3.5 ต่อปี จัดแนนซ์ ได้สูงโดยไม่ต้องมีคนค้ำ ผ่อนที่เดิมไม่ดี ติดแบล็คลิสต์ หรือติดเครดิตบูโล จัดไฟแนนซ์ที่...
จังหวัด : เชียงใหม่/เต็นท์รถ เชียงใหม่:เต็นท์รถมือสอง เชียงใหม่

แม๊กซ์ มอเตอร์
รับ ซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน รถยนต์ใช้แล้ว ทุกชนิด

ซื้อรถมือสองมาแล้ว…ทำอย่างไรต่อไป

เมื่อคุณเก็บหอมรอมริดได้เงินครบจะไปดาวน์รึซื้อสดรถคันโปรดมาแล้ว บางทีอาจเป็นรถคันแรกของบ้านคุณ แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป บทความนี้จะบอกให้ทราบว่ามือใหม่(แต่)รถไม่ใหม่นั้น ควรจะทำอย่างไรบ้างเมื่อคุณขับคันนี้กลับมาที่บ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

1.ทำความรู้จัก

อย่าตกใจว่าทำความรู้จักกับใคร ไม่ใช่ช่างซ่อมหรือคนขายคนสวยแน่นอน แต่ที่ต้องรู้จักก็คือรถของคุณนั่นเอง สิ่งที่คุณต้องรู้จักดังต่อไปนี้

- รุ่นของรถ/ปี บ่อยครั้งที่เราไปซื้ออะไหล่รถเองแล้วถ้าเราไม่รู้ชื่อรุ่นที่แม่นยำเกิดปัญหาแน่นอนอย่างเช่น เพราะรถชื่อรุ่นเดียวกันแต่อาจใช้เครื่องยนต์ต่างกันก็มีไม่น้อย เรื่องอย่างนี้ถือเป็นเรื่องหญ้าปากคอกที่ทำให้เจ้าของรถที่เรียกตัวเองว่าเซียนเหงื่อแตกมาหลายคนแล้ว เวลาไปซื้ออะไหล่รถที่ตัวเองขับอยู่ทุกวัน

- เครื่องยนต์ คุณควรรู้ขนาดซีซีของเครื่องยนต์และจำนวนวาวล์ ชื่อบล็อกของเครื่องยนต์ของรถคุณ เช่นใช้มิตซู-แลนเซอร์ บล็อก 4G63 ตัวเลขเพียงไม่กี่ตัวกลับบอกความแตกต่างของรุ่นได้มากมาย ถ้าไม่รู้เปิดฝากระโปรงรถดูส่วนใหญ่จะมีเขียนรายละเอียดเอาไว้ บางคนเถียงว่าดุจากคู่มือรถก็รู้ แต่ก็ทราบกันดีว่าคู่มือการใช้รถนั้นน้อยนักที่จะตกมาถึงมือของเจ้าของรถมือสองมือสามอย่างเราๆ

- จุดวัดระดับน้ำมัน-น้ำยาต่างๆ คุณต้องรู้ว่าอันไหนเป็นจุดวัดระดับน้ำมันเครื่อง น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ น้ำมันเบรก น้ำยาแอร์ หม้อน้ำรถ หม้อพักน้ำ น้ำฉีดกระจก น้ำกลั่นแบตเตอรี่ ฯลฯ อย่างน้อยเราต้องรู้ว่าจะวัดระดับตรงไหนอย่างไร มีรุ่นน้องที่ทำงานชอบถกเถียงเรื่องรถกับผมบ่อยๆ เมื่อสัปดาห์ก่อนได้ซื้อรถมือสองมาใหม่คุยเรื่องระบบต่างๆของรถราวกับท่องมาซะยืดยาว แต่เปิดฝากระโปรงรถให้ผมดู ก่อนจะถามว่าที่ดูระดับน้ำมันเครื่องมันอันไหนกันแน่อันนี้อาการหนักจริงๆ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ต้องรู้คือ

- ดูระดับน้ำมันเครื่องตรงไหน Max – Min

- เติมน้ำหม้อน้ำตรงไหน ควรเติมในหม้อพักและไม่ให้มากไปนักที่สำคัญควรเปิดน้ำที่หม้อน้ำดูด้วยว่าเต็มรึเปล่าที่สำคัญต้องไม่ทำตอนเครื่องร้อนอันตราย

- ดูระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ ต้องเปิดดูทุกช่องเติมไม่ต้องล้นเพียงแต่เติมให้พอดีกับพลาสติคที่เป็นลิ้นลงไปในช่องก็เพียงพอแล้ว ห้ามอย่าเติมจนล้น

- ดูระดับน้ำฉีดกระจกด้วย ถ้าแห้งจะทำให้ปั้มฉีดน้ำเสียหายได้ อันนี้บอกให้ลูกๆมาช่วยเติมได้เป็นการสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวได้เป็นอย่างดี

- ดูระดับน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์เป็น บางรุ่นไม่ต้องเปิดฝาก็รู้สามารถดูได้จากข้างกระปุกมีขีดบอกระดับ มีคำเตือนเล็กน้อยอยู่บริเวณฝาอ่านบ้างก็ดี

- ดูระดับน้ำมันเบรก บางครั้งไม่ต้องถึงกับเปิดฝามาดูเพราะมีขีดบอกสามารถมองเห็นจากภายนอกเช่นกัน

- ดูระดับน้ำยาแอร์ ดูจากกระปุกพักน้ำยาแอร์สังเกตกระปุกที่มีท่ออะลูมีเนียมรึทองแดงต่อเข้านั้นแหละมีเลนซ์ สังเกตถ้าน้ำยาแอร์เต็มเราจะไม่เห็นว่ามีอะไรในเลนซ์นั้นเลยแต่ถ้าเมื่อไหร่เห็นในเลนซ์นั้นมีน้ำวิ่งๆเมื่อไหร่ อย่าคิดว่าน้ำยาแอร์เต็มนะครับนั้นคือน้ำยาแอร์หมดแล้วละครับ ไปร้านแอร์ให้ตรวจเช็คเลย

2.เปลี่ยนซะให้เรียบ

- น้ำมันเครื่องและใส้กรองน้ำมันเครื่อง บ่อยครั้งรถจากเต็นท์นั้นเค้าไม่ได้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องมาให้ บางครั้งพึ่งเปลี่ยนมาถือว่าเป็นโชคดีไป แต่ถ้าให้ดีถ้าเราดึงสายวัดออกมาแล้วน้ำมันเครื่องเหนียวๆ ไม่หยดติ๋งๆ เปลี่ยนไปเถอะครับเพื่อความสบายใจ ถ้าเปลี่ยนแล้วขับรถกลับบ้านมาดึงเข็มวัดออกมาเห็นน้ำมันเครื่องทำไมขุ่นซะแล้วให้คุณดีใจไว้เลยว่าน้ำมันเครื่องนั้นดีเพราะสามารถดึงเขม่าที่จับกับชิ้นส่วนในเครื่องออกมาได้เป็นอย่างดี รวมถึงเปลี่ยนใส้กรองน้ำมันเครื่องด้วยไม่แนะนำไปใช้ใส้กรองจากปั้มเพราะสมัยนี้ใส้กรองของเทียมมีเยอะอายุการใช้งานสั้นกว่า (ไม่ใช่ว่าใช้ไม่ได้) ใครรักรถมาแนะให้ใช้ของแท้แต่ผมชอบใช้ของเทียบเพราะมีคุณภาพพอๆกันและอาจดีกว่าด้วยซ้ำไป ว่างๆผ่านไปแถววรจักรก็ไปซื้อซะ ถือว่าเป็นการหัดทำความรู้จักกับร้านอะไหล่ไว้ ดูด้วยว่าต้องแถมแหวนยางโอริงมาด้วยแต่อย่าไปคิดว่าเอามาใช้กับกรองน้ำมันเครื่องล่ะ โอริงนี้ไว้ใช้กับน็อตที่เป็นก๊อกปิด-เปิดอ่างน้ำมันเครื่องของเราต่างหาก เวลาให้ช่างใส่ดูกับเค้าด้วย ก่อนใส่แนะว่าให้เอาน้ำมันเครื่องเรานี่แหละทาขอบยางของกระปุกกรองด้วยกันยางเบี้ยวออกมาเวลาขันเข้า

- ใส้กรองอากาศ ส่วนใส้กรองอากาศก็เป่าซะ แนะให้เป่าเองตามปั้มเจ็ทที่มีที่เป่าอากาศตรงที่เราเติมลม มีหลายคนขับรถมาจนแก่เป่าอากาศยังไม่เป็น การเป่ากรองอากาศต้องเป่าจากในออกนอก ห้ามเป่าจากข้างนอกเข้าในเด็ดขาด ถึงแม้เป่าแล้วฝุ่นกระจายดีแต่นั้นคือการทำให้กรองอากาศของเราตันไปเลย แต่ถ้าเก่าแล้วเปลี่ยนไปเลยซักอันได้เลยไม่ได้แพงอะไรนัก สำหรับมือใหม่ระวังจะถอดไม่เป็นให้สังเกตสลักยึดให้ดี ดึงออกให้ครบไม่ต้องออกแรงมากนักพอประมาณเดี๋ยวพวกสายอากาศจะหลุดแล้วใส่กลับไม่ถูก

- ใส้กรองเบนซิน สุดท้ายใส้กรองเบนซินอันนี้แนะนำให้เปลี่ยนเลยไม่กี่ตังค์ จะได้ไม่ต้องมาโอดครวญภายหลังว่ารถเร่งไม่ขึ้น กระตุกเป็นช่วงๆ แต่อันนี้แนะนำไปให้ช่างเปลี่ยนให้ อย่าลืมถามความรู้เล็กๆน้อยๆจากช่างด้วยตามที่ผมว่ามาหากยังสงสัย เห็นมั้ยว่านอกจากจะได้เปลี่ยนกรองเบนซินแล้วยังได้ความรู้อีกต่างหาก

3.ตรวจอะไรที่มันยุ่งๆที่ห้องเครื่องอีกที

ลองตรวจดูที่สายพานไดฯ สายพานแอร์ สายหัวเทียน หัวเทียน ให้ช่างคนที่เปลี่ยนกรองเบนซินเราเมื่อสักครู่นั้นแหละดูให้ คิดดูว่าเปลี่ยนกรองเบนซินอันเดียวได้ประโยชน์มากมาย หากสายพานอันไหนเก่าหมดสภาพแล้วเปลี่ยนซะมีราคาไม่ถึงร้อยถึงร้อยกว่าบาท แต่แพงกว่านั้นไปร้านอื่นเหอะ สายหัวเทียนเก่ารึเปล่า หากเก่ามากๆขาดแล้วพันๆเทปมาละก็เปลี่ยนไปเลย ให้เค้าเช็คหัวเทียนด้วยเพียงแต่เอามาล้างปรับเขี้ยวก็พอใช้ได้อีกนาน หัวเทียนไม่ใช่ของเสียง่าย หมดอายุง่ายอายุการใช้งานราว 20,000 กม. ( 2000 กม.) หากเจอช่างที่ดี แต่ถ้าเยินจริงๆเปลี่ยนก็ได้เพราะราคาถูกมากๆ ตัวเราเองก่อนกลับบ้านแวะไปตามห้างซื้อน้ำอเนกประสงค์มาติดรถไว้ก็ดีไว้ฉีดพวกขั้วแบตฯ ขั้วหัวเทียน จานจ่าย(ถ้าไม่รู้จักว่าอันไหนไปถามช่างคนเดิมอีกนั่นแหละ) เวลาเก็บอย่าเอาไปไว้ที่ร้อน เกิดตูมตามขึ้นมาไม่รู้ด้วย

4.คราวนี้มาดูที่ช่วงล่างกันบ้าง

- ถ่วงล้อ อันนั้นถือว่าเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่หลายคนมองข้ามเพราะเมื่อเราใช้ความเร็วสูงขึ้นหน่อยรถกลับสั่นๆ อาจนึกไปถึงช่วงล่างอื่นๆ แต่ความจริงปัญหามันแค่เพียงถ่วงล้อเท่านั้นเอง ผมแนะให้ไปถ่วงล้อที่เรียกว่า “ถ่วงจี้” เพราะเท่าที่ทำมาได้ผลดีพอสมควร ดีกว่าการถอดล้อไปถ่วงข้างนอก สังเกตด้วยว่าบางครั้งน็อตล้อเราอาจเป็นคนละแบบทำให้การถอดล้อไปถ่วงไม่แม่นยำแต่ถ้าให้ดีก็เปลี่ยนน็อตให้มันเหมือนกันให้หมดเลยจะดีกว่า ก่อนถ่วงบอกให้ช่างแกะหินที่ติดล้อออกให้ด้วยนี่ก็เป็นผลให้การถ่วงล้อไม่แม่นยำ แนะให้ไปถ่วงหลังไปล้างรถจากปั้มใหม่ เพราะโคลนที่ติดล้อก็เป็นอีกปัจจัยนึงเช่นกัน เคยแนะให้รุ่นน้องที่มีปัญหาที่ว่าไปถ่วงจี้มาหลายคนส่วนใหญ่จะบอกว่ายังกับได้รถใหม่มาแน่ะ

- ยางรถ ดูว่าดอกยางยังเต็มๆดีหรือไม่ ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเปลี่ยนถามจากร้านยางดูก็ดีถ้าร้านที่ดีบ่อยครั้งเค้าจะบอกว่าใช้ได้อีกนานแต่ถ้าเค้าบอกว่าเปลี่ยนเถอะให้สังเกตว่าดอกยางเรายังเต็ม ยางยังไม่เสียรูป แก้มยางยังสวย เนื้อยางยังสดอยู่หรือไม่ ไม่แนะนำให้ไปทำตามปั้มแต่ก็ตามใจหากใครอยากลองดู การเติมลม ควรเติมซัก 27-28 หากอยากได้ความนิ่มนวลและ 30 หากต้องการประหยัดน้ำมันได้อีกนิดหน่อยในการวิ่งแบบรถไม่ติด อย่าลืมเติมลมยางอะไหล่ด้วยแนะให้เติมเกินปกติไว้ 2 ปอนด์ (ประมาณ 32 ปอนด์) เพราะไม่ได้เติมบ่อยๆ แนะอีกนั้นแหละให้ไปเติมที่ปั้มเจ็ทเพราะเครื่องวัดแบบดิจิตัลค่อนข้างแม่นยำกว่าร้านยางซะอีกและอย่าลืมอุดหนุนเค้าบ้างก็ดี

- เช็คช่วงล่าง ไปอู่ที่รับทำช่วงล่างให้เค้ายกรถตรวจพวก ยางหุ้มแร็คช่วงล่างอื่นๆ เพราะบางครั้งเปื่อยๆแล้วเปลี่ยนไปเลยราคาไม่ถึง 300-400 บาท ถ้าขาดขึ้นมาแต่เราไม่รู้จะลำบาก ทั้งทรายทั้งโคลนหลุดเข้าไปละก็เสียมากกว่านี้อีกมาก ให้ช่างตรวจลูกหมาก-คันชัก-คันส่ง-ปีกนก โยกๆแล้วหลวมๆหรือไม่แต่พวกนี้ถ้าไม่หลวมมากเอาไว้ตอนได้โบนัสออกหรือกู้สหกรณ์ได้ก่อนค่อยมาเปลี่ยนก็ได้ หากยังพอใช้ได้

5.มาดูภายในรถกันบ้าง

- หากรถมีกลิ่น แนะนำว่าให้เราจอดรถตากแดดหมุนกระจกลงมาเล็กน้อยทำซ้ำๆหลายวันช่วยได้บ้าง หาน้ำหอมมาใส่รถบ้างบางทีไม่เหม็นโดนเหงื่อเราไปซักพักจนกลิ่นติดเบาะ สงสารคนมานั่งรถเราบ้าง แนะนำอย่าสูบบุหรี่ในรถเพราะเขม่าจากบุหรี่กับกำมะหยี่ทั้งหลายในรถเรารักกันมากทั้งสีทั้งกลิ่น

- ยางรองพื้น บางทีเต็นท์ให้มาเฉพาะยางแผ่นเล็กทำให้ทรายกระจายฝังในพรม แนะให้ใช้ยางที่เป็นรูปแอ่งๆ ไม่สวยนักแต่สะอาดอย่าบอกใครไม่มีทรายกระเด็นออกด้วยหรือถ้ากำลังทรัพย์มีก็เอาแบบที่มีขายตามห้างที่มีเฉพาะรุ่นก็ได้

- น้ำยาต่างๆ หาซื้อน้ำยาต่างๆเช่นแชมพูล้างรถ ยาขัดเบาะ ยาขัดสีรถ หัดทำเองบ้างจะได้รู้จุดอ่อนของตัวถัง-สีรถเราเอง

- เสียงดังหน้าคอนโซล อันนี้สืบเนื่องาจากรถใช้มาหลายปีเกิดจากการเคยถูกถอดคอนโซลเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง แต่การหาจุดนี่ยากที่สุดพวกนี้ต้องค่อยๆหาแล้วหาซื้อตัวยึดพลาสติคตามวรจักรมาใส่แทนได้หากของเก่าแตกหรือหลวมรึไม่มีเลย

6.สังเกตกันบ้าง

- ซื้อรถมาวันแรกผมแนะนำให้ล้างเลยไปให้โดนน้ำฉีดแรงๆ ตามคาร์แคร์ ถึงแม้เต็นท์จะขัดสีรถมาสวยงามสักปานใด เพราะรถหลายคันพึ่งไปสาดสีมาทั้งคัน การประกอบขอบยางกันน้ำซีลซิลิโคนประตูและกระจกหน้า-หลังต่างๆ อาจทำมาไม่ดีพอเพราะทำเองในอู่สีไม่ได้ทำที่ร้านกระจกที่ชำนาญกว่าบ่อยครั้งที่น้ำไหลเข้ารถเป็นถังๆ เวลาฝนตกจะได้รีบซ่อมเองหรือให้เต็นท์ทำให้หากตกลงกันไว้แล้ว

- แอร์ หากได้ยินเสียงแต็กๆ ดังติดๆกันขณะเปิดแอร์ทำให้รอบเครื่องเราขึ้นๆลงๆ ให้ช่างเช็คดูช่างที่เก่งๆ จะยังไม่วิ่งไปดูที่คอมแอร์ แต่จะตรวจที่ตัวปรับระดับความเย็นที่ภาษาช่างแอร์เรียกรางเลื่อน (Slice volume) เพราะรถเก่าแล้วพวกนี้จะสึกรึหมดอายุเปลี่ยนซะราคา 300-400 บางทีไม่ถึงกับต้องไปยุ่งกับคลัชแอร์หรอกครับ ร้านทำแอร์ผมชอบร้านที่แท็กซี่เค้าชอบไปทำกันเพราะราคาไม่แพงคุยกันได้ แต่ไม่ใช่ร้านที่แท็กซี่ไม่เข้าไม่ดีนะครับ อย่างผมใช้ทั้งสองร้านเพราะที่เจอความชำนาญร้านอาแปะของผมเนี่ยเก่งเข้าขั้นเลยทีเดียวแต่ราคาเอาเรื่องเหมือนกันเวลาเข้าซ่อมถามไว้เลยว่าเท่าไหร่ ต่อไปเถอะลดได้นิดหน่อยดีกว่าไม่ลดเลย ซ่อมบ่อยๆ ชำนาญขึ้นเดี๋ยวก็รู้ราคาไปเอง

- ตรวจดูหลอดไฟรถ ไฟหน้าสูง-ต่ำ ไฟหรี่ ไฟท้าย-ไฟเบรก ไฟกระพริบซ้ายขวา ไฟถอย ไฟทะเบียน ติดครบหรือไม่จัดการให้เรียบร้อยสมบูรณ์

หากมีอะไรนอกเหนือจากนี้ต้องเช็คต้องเปลี่ยนคงต้องอาศัยการเอาใจใส่ และความช่างสังเกตจากตัวคุณเอง ย้ำต้องดูแลอย่างสม่ำเสมอไม่ใช่แค่เพียงช่วงแรกๆเท่านั้น หมั่นหาความรู้เสมอๆควรให้คนในครอบครัวมีส่วนร่วมด้วย สร้างความสัมพันธ์กันโดยมีรถเป็นสื่อนี่ก็ถือว่ารถไม่ใช่แค่เพียงเป็นพาหนะอย่างเดียวใช่มั้ยละครับ

เสี่ยลองก่อนจ่ายตังค์

การที่เราจะต้องซื้อรถมือ2 จากลูกค้า หรือนายหน้า ในเบื้องต้นมีข้อกำหนดที่เป็นเบสิกที่บรรดาเสี่ยเต้นท์รถมืออาชีพ เขาได้ปฎิบัติกันมา ผมขอเสอนแนะเป็นวิทยาทานแด่ทุกท่านที่กำลังสนใจในการประกอบธุระกิจค้าขายรถมือ2 โดยจุดหลังสำคัญมากๆมี ดั่งต่อไปนี้

1. รถที่มีคนเสอนราคามานั่น พึงรู้ว่าเป็นรถยี่ห้ออะไร จดทะเบียน ณ วันที่ เดือน พ.ศ อะไร? ข้อสังเกตุ บางที่บอดี้รถ อาจมีการ ลากจดทะเบียน เลยไม่ตรงตาม สเปกของรุ่นนั้นปีนั้น

2. ซีซีของรถ หรือจำนวนสูบ แรงม้า ข้อสังเกตุ บางคันอาจมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์มา มีผลต่อการประเมินราคาตอนที่เราจัดไฟแนนซ์มักจะลดยอดจัดเราลงไป

3. เช็กต้น หมายถึง ได้หมายเลขทะเบียนรถมาเช็กต้นจากกรมขนส่งให้รู้ว่า ชื่อเจ้าของตรงกับข้อมูลที่กองทะเบียนหรือไม่ สามารถรู้หมดว่าเจ้าของรถคันเนี้ย ชื่อเสียงเรียงนามอะไร หมายเลขบัตร บ้านเลขที่แจ้งใช้รถเขตไหน หมายเลขเล่มทะเบียน ตลอดถึงหมายเลขเครื่อง เลขตัวถัง วันจดทะเบียนกับการต่อภาษีประจำปี ข้อสังเกตุ เล่มทะเบียนทุกคันปลอบมาง่ายๆมาก ฉะนั่นเช็กต้นก่อนอาจจะต้องยอมเสียบริการเช็กต้นคันละ 200 บาทต่อเจ้าหน้าที่ขนส่ง(นอกรอบ)

4. เปิดฝากระโป่งรถ ดูห้องเครื่องว่ามันผิดปกติของเครื่อง คานหน้า มีพ่นทำสีมาไหมหัวโช๊กมีทั้ง2 ข้างมีพ่นสีในห้องเครื่องไหม ข้อสังเกตุ หาดูตามคานหน้ารถว่ามีสติกเกอร์ มวก น้ำยาแอร์ และสติกเกอร์คำเตือนอย่าแตะพัดลมไฟฟ้า จนถึง หัวน๊อตต่างๆ ในห้องเครื่องยนต์ว่ามีรอยไขหรือเปลี่ยนมาใหม่โดยธรรมชาติแล้วหัวน็อตทุกตัวจะมีตอกหมายเลขอยู่

5. แก้มหน้าซ๊าย ใช้นิ้วดีดหรือเคาะ ว่าหนาบาง ทึบ มีการโป๊สีว่าหนามากไหม ข้อสังเกตุ บางทีก็มีเปลี่ยนชิ้นแก้มมา ให้ดูตรงหัวสลักน๊อต

6.ประตูหน้าซ๊าย เวลาเปิดและปิด ประตูตกหรือไม่ คิ้วยางขอบกระจกย่นหรือปิดตัวมากไหม เสียงกลอนประตู ตอนปิดเข้าขอบสนิทหรือไม่ ข้อสังเกตุ สลักกอนประตูหรือบานพันใน( ซอกในมีพ่นสีมา และให้ดึงยางหลังงูมาดู)ว่าพ่นสีและกลับสีมาจะสังเกตูได้ในบริเวณนี้ได้

การซื้อรถอย่างไรไม่ให้โดนหลอก

การเลือกซื้อรถยนต์สักคันนั้น จะต้องพิจารณาถึงองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคา สมรรถนะ ยี่ ห้อ ฯลฯ ที่จะมาเป็นสิ่งกระตุ้นในการเลือกซื้อ แต่หลักเกณฑ์ในการเลือกซื้อจริง ๆ แล้วมักจะไม่ค่อยตายตัวสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ที่ความพึงพอใจมากกว่า เราจึงนำหลักเกณฑ์อย่างกว้าง ๆ ในการพิจารณาเลือกซื้อรถซึ่งอาจจะช่วยในการตัดสินใจของท่านได้ไม่มากก็น้อย


การเลือกซื้อรถใหม่

- คำนึงถึงงบประมาณ การประกัน ประโยชน์ในการใช้งาน เพื่อจะซื้อรถได้คุ้มค่าที่สุด

- ตรวจเช็คเกี่ยวกับข้อมูลการใช้น้ำมัน เบี้ยประกันการบริหารอุปกรณ์อะไหล่ และค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา

- สำรวจยี่ห้อ ราคา แบบ รุ่น จากนิตยสารที่เกี่ยวกับรถแคตตาล็อกจากร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วไป แล้วนำมาเปรียบเทียบข้อมูลต่าง ๆ อย่าพึ่งด่วนสรุปตัดสินใจซื้อ

- เลือกซื้อจากตัวแทนจำหน่ายใหญ่ ๆ ที่น่าเชื่อถือ

- สำรวจพื้นที่ในการใช้สอยในรถ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก

- ตกลงกับผู้ขายในเรื่องค่าโอนทะเบียนรถและอื่น ๆ ให้เป็นที่เรียบร้อยและพึงพอใจสำหรับตัวท่านเอง

- สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องได้ทดสอบขับเสียก่อน อย่าตัดสินใจซื้อเมื่อไม่มีโอกาสได้ทดสอบขับ เพราะหากมีอะไรไม่ถูกใจหรือไม่ชอบจะได้เปลี่ยนรุ่นหรือยี่ห้อได้

- ควรมีเพื่อนหรือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับรถไปด้วย เมื่อมีการดูรถควรถ่ายรูปรถของคุณไว้อย่างละเอียดไม่ว่าจะเป็นภายนอก ภายในเครื่องยนต์ ทะเบียน กันชน ไฟหน้า - หลัง รวมทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น แอร์ วิทยุเทปและอื่น ๆ เพื่อเตรียมไว้ในกรณีที่ถูกเฉี่ยวชน โดนขโมย หรือถูก

ส่วนใหญ่ในการซื้อรถใหม่นั้นไม่ค่อยมะไรยุ่งยากมากเท่าใดเพราะรถจะถูกตรวจสอบมาจากโรงงานและเป็นรถใหม่ที่ยังไม่เคยใช้ ประสิทธิภาพก็คงดีอยู่มาก ยังไงแล้วเพื่อความแน่นอนควรตรวจสอบให้ดีก่อนซื้อทุกครั้ง


ทำไมต้องรันอินรถยนต์

เมื่อท่านซื้อรถใหม่สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่จะขาดไม่ได้เลยคือ การรันอิน และการรันอินนั้นจะต้องทำอย่างถูกวิธี เพื่ออายุการใช้งานของรถยาวนานขึ้น แต่ถ้าใช้ผิดวิธีการทำงานของรถจะสั้นกว่าปกติ ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์จะไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งการรันอินนั้นจะแบ่งเป็น 2 ช่วง

ช่วงรันอินที่ 1 ในช่วง 500 กิโลเมตรแรก ควรหาโอกาสขับรถในระยะทางไกล เช่น ไปต่างจังหวัด ขับขี่ด้วยความเร็วปานกลางและนิ่มนวลพยายามอย่าให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก หลีกเลี่ยงการใช้โช๊ค อัพในการสตาร์ท ควรเปลี่ยนแปลงความเร็วอย่าใช้อัตราคงที่ ไม่ควรขับด้วยความเร็วจุดใดจุดหนึ่งเป็นเวลานาน เพื่อให้การสึกหรอของเครื่องยนต์เป็นไปอย่างสม่ำเสมอ

ช่วงรันอินที่ 2 จาก 500 กิโลเมตรไปจนถึงราว 3,000 กิโลเมตรแรกหนังสือคู่มือ การรันอินในกิโลเมตรช่วงที่ 2 ( หลัง 500 กิโลเมตรแรกไปแล้วจนถึง 3,000 กิโลเมตร ) ควรขับอย่างนิ่มนวล

การรันอิน คือ การขับขี่ที่อยู่ในระยะทางช่วงใดช่วงหนึ่งที่มีการกำหนดโดยบริษัทรถยนต์หรือช่าง

การเลือกรถที่ใช้แล้ว

ในปัจจุบันตลาดรถยนต์มือสองกำลังบูมอย่างมาก มีการซื้อขายและการประมูลไม่เว้นแต่ละวัน เต็นท์ขายรถต่าง ๆ ก็ผุดขึ้นมารองรับการซื้อราวกับดอกเห็ด ทำให้ผู้ซื้อมีโอกาสในการเลือกซื้อมากขึ้นด้วยสนนราคาที่ถูกกว่ารถใหม่คุณภาพก็พอใช้ถ้าเลือกกันดี ๆ ซึ่งคนธรรมดาที่มีเงินทองไม่มากนักก็พอที่จะเลือกซื้อมาเป็นของเจ้าของได้ งถึงอุปกรณืชิ้นต่าง ๆ ของรถมือสองกันบ้าง ซึ่งก็บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเป็นรถที่เคยผ่านการใช้งานมาแล้ว ดังนั้นสภาพต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ อุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ อุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ต้องมีส่วนลึกหรอบ้าง จะมากบ้างน้อยบ้างก็ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และเจ้าของรถเดิมว่าใช้งานถนอมแค่ไหน การรเลือกซื้อรถยนต์ประเภทนี้ต้องคิดมากทีเดียวบางครั้งซื้อแล้วต้องมานนั่งซ่อมอีก ซึ่งเป็นเรื่องไม่คาดคิดมาก่อนเพราะตอนแรกดูสภาพดีแต่เมื่อมาใช้งานจริงแล้วปัญหาต่าง ๆ กลับตามมาย เพราะขาดความเข้าใจและไม่รู้หลักในการเลือกซื้อรถยนต์ใช้แล้ว หรืออาจจะเป็นเพราะถูกหลอกจากคนรู้จัก ท่านจึงควรมีความรู้เกี่ยวกับการเลือกซื้อรถยนต์ใช้แล้วบ้างเผื่อท่านคิดจะมีรถแบบนี้ไว้ใช้สักคัน

ขั้นแรกต้องถามตัวเองว่ามีความรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์ รถยนต์ขนาดไหน เคยรู้บ้างไหมว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ นั้นมีหน้าที่อะไร ทำอะไรได้บ้างถ้าท่านมั่นใจว่าตัวเองมีประสบการณ์สูงในเรื่องนี้พอที่จะไปดูรถยนต์ด้วยตัวเองและลองขับด้วยตัวเอง ท่านก็สบายใจได้ในขั้นตอนนี้ แต่ถ้าท่านไม่มีความรู้อะไรเลยขับเป็นอย่างเดียว ในกรณีนี้ท่านต้องพึ่งช่างหรือผู้มีความคุ้นเคยกับรถมากกว่าท่าน และมีความสนิทกันไว้ใจได้ ให้เขาพาท่านไปดูรถเพื่อความมั่นใจว่าท่านสามารถซื้อรถในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด

จำไว้เสมอว่าในการเลือกซื้อรถมือสองหรือการตรวจเช็ครถยนต์ต้องเป็นเวลากลางวันเพื่อจะได้สามารถมองเห็นข้อบกพร่องได้ง่าย เมื่อท่านถูกใจและถูกเงินในกระเป๋าแล้ว สิ่งที่ท่านต้องตรวจดูมีด้วยกัน 3 แห่งคือ โครงตัวถัง, ช่วงล่าง, เครื่องยนต์

โครงตัวถัง

โครงตัวถังนับเป็นส่วนประกอบส่วนแรกของรถยนต์ที่ท่านต้องตรวจดูก่อนเป็นอันดับแรก การตรวจนั้นจะเริ่มตั้งแต่ ดูแนวรางน้ำขอบหลังคารถยนต์ ถ้าหากว้างหรือคดแสดงว่าเคยคว่ำมาแล้วอาจเสียศูนย์ ทรงตัวไม่ดีเป็นอันตรายมาก ในส่วนนี้ต้องพยายามสำรวจให้ทั่วหลังคารถด้วยการมองทั้งทางด้านหน้ารถ – ท้ายรถ พยายามมองให้ดีเพราะส่วนนี้เป็นสิ่งสำคัญถ้าหลังคายุบหรือคดจะทำให้รถหมุนได้ถ้าวิ่งด้วยความเร็วสูงหรือโดนลมปะทะแรง ๆ แต่ในบางครั้งรถที่เคยคว่ำก็อาจจะทำหลังคามาใหม่ทำให้มองม่ออกเหมือนกัน ก้ต้องพิจารณาให้รอบคอบอีกที

- ตรวจรอยสนิมกัดกินผุกร่อน บริเวณบังโคลนหน้า รอบดวง โคมไฟ ทั้งสองข้าง สนิมเป็นอันตรายอย่างมากสำหรับรถยนต์ ซึ่งจะลามไปทั่วถรถ้าปล่อยทิ้งไว้ รอยสนิมจะเกิดได้มากที่สุดบริเวณบังโคลนหน้า แต่ในบางคร้งอาจจะถูกซ่อมมาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นต้องตรวจดูด้วยการเอามือลูบบังโคลนด้านใน ซึ่งในส่วนนี้จะไม่สามารถปกปิดได้ เพราะจะมีร่องรอยการซ่อมหลงเหลืออยู่ใช้มือลูบก็พบ ท่านต้องพิจารณาว่าซื้อมาแล้วต้องเสียเงินเพิ่มหรือไม่

- ตรวจรอยสนิมบริเวณบังโคลนหลังขอบด้านใน บริเวณนี้ก็เช่นเดียวกันกับบังโคลนหน้า คือ เกิดสนิมได้ง่ายเชนเดียวกัน การตรรวจก็เช่นเดียวกัน ใช้มือลูบด้านใน รอยการซ่อมหรือปะผุจะมีเหลืออยู่ให้เห็น

- ตรวจรอบโคมไฟท้ายทั้ง 2 ข้าง มีรอยสนิมมากน้อยเพียงใดส่วนของไฟท้ยก็เป็นสนิมง่าย ต้องตรวจให้ละเอียดว่ามีรอยสนิมมากน้อย และต้องเสียค่าซ่อมต่าง ๆ มากหรือไม่ ถ้าซื้อไปแล้วจะคุ้มมั๊ย

- ตรวจดูรอยผุส่วนท้ายรถที่ขอบฝากระโปรง และที่ติดใกล้กับกันชน ต้องเปิดฝากระโปรงออกมาแล้วตรวจดู และอย่าลืมดูที่บริเวณกันชนติดกับกระโปรงรถส่วนท้ายด้วย พยายามตรวจดูให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้

- ตรวจรอยผุบริเวณประตูรถตอนขอบด้านล่าง และที่ตัวถังของพื้นล่างสุด บริเวณประตูก็จะเกิดสนิมได้ง่ายเช่นเดียวกัน ต้องตรวจดูที่ประตูทุกบานหารอยผุว่ามีมากหรือน้อย การเปิด – ปิดในส่วนต่าง ๆ ของขอบประตูและกระโปรงหลังทำให้ได้สะดวกหรือไม่

- ตรวจดูใต้ท้องรถ อาจให้ยกรถขึ้นโดยใช้ขาตั้งแล้วท่านเข้าไปตรวจดูใต้ท้องรถ แต่อาจใช้วิธีเปิดพรมยางในรถทั้งหมด แล้วตรวจหาดูรอยผุหรือส่วนที่เสียหายต่าง ๆ

- ตรวจดูระบบท่อไอเสีย ให้อยู่ในสภาพที่ดี ไม่มีรอยแตกหรือสนิมกัดกร่อนจนเกือบจะผุพัง


ช่วงล่าง

ช่วงล่างตรงนี้สำคัญมากในการเลือกซื้อรถใช้แล้ว เพราะช่วงล่างจะส่งผลต่อการขับขี่ ในด้านการทรงตัวขณะเลี้ยวหรือวิ่งด้วยความเร็วสูง ถ้าเครื่องช่วงล่างไม่ดีอาจจะเกิดอุบัติเหตุง่ายเมื่อใช้รถ การตรวจช่วงล่างจะเริ่มตั้งแต่

- ในการตรวจช่วงล่างต้องยกรถให้สูงขึ้น เพื่อความสะดวกในการตรวจใต้ท้องรถและสามารถมองเห็นทุกจุดได้ชัดเจน ท่านควรตรวจใต้ท้องรถด้วยตัวท่านเองถ้าท่านพอมีความรู้เกี่ยวกับรถยนต์บ้างโดยให้เริ่มตรวจตั้งแต่ห้องเกียร์ ช๊อคอัพ แหนบ พวงมาลัย เฟืองท้าย และช่วงลล่างในส่วนอื่น ๆ ถ้ามีสิ่งใดที่สังเกตผิดจากธรรมดา เช่น มีน้ำไหลออกมาจากบางแห่ง มีส่วนหัก บิด งอ แหนบซ้อนกันไม่เป็นระเบียบ ลองตรวจดูว่าการใช้งานเป็นเช่นไร แต่ข้อแนะนำว่าการตรวจช่วงล่างขอให้เป็นหน้าที่ของช่างที่ชำนาญและท่านแนะคนพามาจะดีกว่า เพราะในบางครั้งท่านดูเองอาจจะไม่ทราบเท่ากับช่าง

- เพลากลาง ท่านต้องลองเอามือจับเพลากลางแล้วลองหมุนขยับกลับไปกลับมาว่ามีระยะหมุนฟรีมากเพียงใด ถ้ามีระยะฟรีมากนั่นแสดงว่าชิ้นส่วนต่าง ๆ เกี่ยวกับระบบขับเคลื่อนหลวม หรือหมดอายุการใช้งาน

- ตรวจดูยางทั้ง 5 เส้น ซึ่งหมายถึงยางอะไหล่ด้วยวามีการใช้งานมากน้อยเพียงใด ดอกยางสึกมากหรือน้อย จะต้องซื้อใหม่หรือไม่

- ตรวจระบบเบรก ด้วยการลองเหยียบเบรกหรือย้ำเบรกดู1เหยียบเบรกแล้วเบรกจมมิดหายไปแสดงว่าเบรกไม่อยู่ หรือต้องย้ำเบรก หลายครั้งจึงจะเบรกอยู่ในส่วนนี้ต้องทดลองขับดู

- ตรวจดูเข็มไมล์ว่ารถใช้งานมามากน้อยเพียงใด ตรวจดูการสึกหรอของยางเบรกและคลัตช์เปรียบเทียบกับตัวเลข ซึ่งอาจถูกแก้ไขจำนวนกิโลเมตรที่วิ่งก็ได้

- ตรวจพวงมาลัย ด้วยการหมุนกลับไปกลับมา เพื่อจะดูช่วงฟรีของพวงมาลัยว่ามีมากน้อยเพียงใด ถ้าช่วงฟรีมากอาจจะเกิดจากช้นส่วนต่าง ๆ ของระบบบังคับเลี้ยวหลวม ก็ต้องเสียเงินเพิ่มมากขึ้น ในการซ่อม


เครื่องยนต์

เครื่องยนต์นับเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ทั่วไป ยิ่งในรถยนต์ใช้แล้วเครื่องยนต์เป็นสิ่งสำคัญมาก เครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสมบูรณ์จะสามารถลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้มาก และยังเป็นการช่วยให้ผู้ใช้รถเกิดความสะดวกสบายมากขึ้นอีก การตรวจเครื่องยนต์นั้นจะเริ่มจากฝาครอบลิ้นด้านบน,ปะเก็นฝาสูบ,อ่างน้ำมันเครื่อง, เพลาข้อเหวี่ยงหน้าเครื่อง, ก๊อกถ่าย น้ำมันเครื่องซึ่งอยู่ในอ่างและตามท่อต่าง ๆ หม้อกรองน้ำมันเครื่องและอื่น ๆ อีก ฯลฯ

ในส่วนนี้ให้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดตามจุดต่าง ๆข้างบนการเช็ดก็เพื่อจะตรวจดูรอยรั่วของส่วนประกอบด้านบนว่าน้ำมันเครื่องหรือน้ำมันหล่อลื่นไหลซึมออกมาหรือไม่ ควรตรรวจให้ละเอียดอย่าง ช้า ๆ เพราะเครื่องยนต์เป็นตัวจักรขับเคลื่อนต้องทำงานหนักที่สุดจึงควรสังเกตุได้ดี เครื่องยนต์ที่ดีไม่ควรจะมีน้ำมันเครื่องหรือน้ำมันหล่อลื่นไหลออกมา ถ้ามีควรตรวจดูว่าเป็นส่วนไหนของเครื่องยนต์เป็นส่วนสำคัญหรือไม่ และรั่วมาจากสาเหตุใด เพราะแตกร้าวหรือปะเก็นไม่ดีเพื่อจะได้คิดราคาค่าซ่อมได้ถูกต้อง

ส่วนที่ต้องซ่อมต่อมาคือ ตรวจระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์อย่างเช่น หม้อน้ำ ตรวจดูรอยรั่วต่าง ๆ ข้อต่อที่มีปลอกเหล็กรัดดูว่ามีน้ำรั่วซึมหรือไม่ จุดที่ต้องตรวจดูก็คือ หม้อน้ำหรือรังผึ้ง ท่อยางต่อเข้าเครื่องยนต์เพื่อถ่ายเทน้ำ ท่อยางด้านล่างที่ต่อเข้ากับตัวปั๊ม มีพัดลมหมุนได้ด้วยสายพาน จะต้องมีความตึงพอดี ไม่อย่างนั้นแล้วจะระบายความร้อยไม่ดี

ส่วนต่าง ๆ ที่บอกมาทั้งหมดนี้เป็นการตรวจเช็คสภาพรถยนต์โดยรวมและต้องตรวจตราอย่างถ้วนถี่โดยละเอียด ถ้าให้ดีควรให้ช่างมาตรวจสอบให้ดีจะดีกวาเพื่อความแน่นอน

การทดลองขับ

เมื่อตรวจสอบของเรื่องภายในและภายนอกของรถยนต์ทุกส่วนแล้วคราวนี้ก็คงต้องมาถึงการทดลองขับดูเพื่อเป็นการทดลองกำลังของเครื่องยนต์และการทำงานของระบบช่วงล่างว่าสามารถทำงานได้ดีมากน้อยแค่ไหน การทดลองขับนั้นจะทำให้ทราบถึงระบบชิ้นส่วนของรถยนต์ ระบบน้ำมันเชื้อเพลิงและระบบจุดระเบิดว่าสามารถใช้งานได้ดีหริไม่ ซึ่งในส่วนนี้ท่านต้องมีความชำนาญในการขับรถยนต์มาก่อน สิ่งที่สังเกตในหการทดลองขับรถคือ

- ระบบกันสะเทือนใช้ได้ดีหรือไม่ การทำงานอยู่ในสภาพใด เมื่อตกหลุมหรือเลี้ยวมีอาการผิดปกติหรือไม่ ถ้ามีการสะเทือนมากแสดงว่าช๊อคอัพหรือแหนบไม่ดี

- ลองเบรกห้ามล้อดูว่าใช้งานได้ดีหรือไม่ ระยะทำการเบรกการเหยียบเบรกมีความสัมพันธ์กันมากมายน้อยเพียงใด ถ้าเหยียบแล้วเบรกจมหายต้องย้ำหลายครั้งแสดงว่าเบรกมีปัญหาต้องตรวจเช็คเบรก

- ระบบส่งกำลังยังให้แรงดีหรือขัดข้องประการใด เมื่อขณะเร่งให้สังเกตุดูว่าเครื่องยนนต์ส่งกำลังมีความแรงขนาอไหน ทันอกทันใจหรือไม่ การเข้าเกียร์ยากหรือปล่าว

- พวงมาลัยหนักเบาแค่ไหน สาเหตุอาจจะมาจากยางแบน แต่ถ้ายางไม่แบนก็อาจจะมาจากการเสียหายของชิ้นส่วนภายใน อันนี้ต้องตรวจเช็คให้ละเอียด


ถ้าท่านเป็นผู้ชำนาญในการขับขี่จะสามารถการสังเกตการผิดปกติของรถยนต์ได้ง่ายด้วยความรู้สึกของท่าน แต่ถ้าท่านไม่เป็นผู้ชำนาญควรให้ผู้มีความรู้เป็นผู้ช่วยขับแทน

ในการซื้อรถยนต์ใช้แล้ว ( มือสอง ) สักคันหนึ่ง จะกลายเป็นการเพิ่มภาระหรือลดภาระของท่านนั้นขึ้นอยู่กับขั้นตอนต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นโดยที่ท่านเป็นผู้ตัดสินใจเลือกอีกครั้ง ท่านควรจะเลือกอย่างใจเย็นไม่ควรใจร้อน ให้ถือคติช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม เพราะถ้าขาดความรอบคอบแล้วท่านอาจจะได้รถที่ไม่ดี เมื่อเลือกซื้อรถยนต์ได้แล้วก็อย่าลืมดูแลรักษาให้ดีมีสภาพพร้อมใช้งานเนื่องจากสิ่งเหล่านี้จะทำให้รถของท่านใช้งานได้อย่างคุ้มค่าและยาวนานตามอายุการใช้งาน

รุ่นรถที่ติดตั้งได้ระบบ NGV/LPG

รุ่นรถที่ติดตั้งได้ระบบ NGV/LPG Sequaent 24.

• รถรุ่น ปี 95 ถึงรุ่นปัจจ ุบัน
• รถรุ่นปี 92 – 95 บางรุ่นที ่เป็นหัวฉีดแบบ Dual.
• แรงม้ารถ 4 สูบ ไม่เกิน 160 Hp.
• แรงม้ารถ 6 สูบ ไม่เกิน 200 Hp.
• รถบางรุ่นที่มีระบบตรวจจับสัญญาณทั้งหมดในตัวรถ ไม่สามารถติดตั้งได้ เช่น Benz 280S

รุ่นรถที่เคยผ่านการติดตั้งมาแล้ว (LPG)

• BENZ 190E
• BENZ C180
• BENZ C220
• BMW 318i
• DAEWOO CELO
• FORD EXPLOER
• HONDA CIVIC 2000
• HONDA CRV
• HONDA JAZZ
• HONDA STREAM
• TOYOTA CAMRY 2002
• TOYOTA INNOVA
• ISUZU TROOPER
• JEEP
• KIA SPORTAGE
• NISSAN NEO
• NISSAN TERRANO
• PEUGEOT
• TOYOTA COROLLA 3S
• TOYOTA ALTIS
• TOYOTA FORTUNER
• TOYOTA LANDCRUISER
• TOYOTA VIGO
• TOYOTA VENTURY
• VOLVO 940

รุ่นรถที่เคยผ่านการติดตั้งมาแล้ว (NGV)

• BMW 316i
• CHEVROLET COROLADO
• CITROEN
• HONDA ACCORD 1997
• HONDA ACCORD 2004
• HONDA ACCORD 2005
• HONDA CIVIC 2002
• HONDA CRV 2000
• MITSUBISHI CEDIA
• NISSAN NV
• TOYOTA ALTIS
• TOYOTA CAMRY
• TOYOTA EXSIOR
• TOYOTA LANDCRUISER
• TOYOTA SOLUNA
• TOYOTA VENTURY
• VOLK CARAVELLE